สรรหา กสทช. วุ่นไม่เลิก! ผู้สมัครตบเท้าฟ้องศาลรายวัน
วันที่ 25/05/2554 20:15 (ผ่านมา 74 วัน 22 ชั่วโมง 41 นาที)สรรหา กสทช. ส่อเค้าล่ม ผู้สมัครแห่ร้องศาลปครอง กรรมการสรรหาขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 และยังไม่ครบองค์ประกอบตามมาตรา 14 พ.ร.บ.กสทช.2553 ...
นายรัฐชทรัพย์ นิชิด้า เจ้าหน้าที่สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 1 ใน 80 ผู้สมัครกรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติของคณะกรรมการสรรหา กสทช. ที่มีนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยภายหลังตรวจสอบกระบวนการสรรหาการคัดเลือกผู้สมัครเป็นกรรมการ กสทช. พบว่า นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 1 ใน 15 คน ของกรรมการสรรหา กสทช.มีคุณสมบัติขัดกับรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 256 และมาตรา 207(2) ที่ระบุว่าประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่สามารถเป็นกรรมการสรรหา กสทช.ได้ อีกทั้งพ.ร.บ.กรรมการสิทธิมนุษยชน พ.ศ.2542 มาตรา 7 กำหนดไว้ว่า กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะต้องไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานรัฐ
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงได้ทำหนังสือแจ้งให้ทางคณะกรรมการสรรหา กสทช.รับทราบว่า นางอมรา ไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ กรรมการสรรหากสทช.ได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะกรรมการสรรหากสทช.ไม่ครบองค์ประกอบ 15 คน ตามมาตรา 14 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการสรรหา กสทช.ทุกครั้งที่ผ่านมา นางอมรา จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
นายรัฐชทรัพย์ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่ร้องต่อศาลคือ ที่มาของตัวแทนสมาคม สมาพันธ์ ต่างๆ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นางยุบล เบ็จจรงค์กิจ นายกสมาคมวิชาการนิเวศน์และการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย นางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ น.ส.สุวรรณา สมบัติรักษาสุข ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ นายบุญส่ง จันทร์ส่องรัศมี ประธานสมาพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ และน.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสมาพันธ์องค์กรผู้บริโภค ไม่ใช่หน่วยงานของภาครัฐและไม่มีกฎหมายรองรับ ทั้งนี้ เมื่อไม่มีกฎหมายรองรับ จึงไม่มีสิทธิและสถานะที่จะอ้างสิทธิตามมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เข้าเป็นกรรมการสรรหา กสทช.ตามที่พ.ร.บ.กสทช.กำหนดไว้ได้
"จากทั้ง 2 ประเด็น ถือว่าที่มาของกรรมการสรรหาฯ ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ตนจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อได้ขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว ให้ระงับในการยื่นชื่อผู้สมัครเป็นกรรมการ กสทช.จำนวน 22 คน ต่อสำนักเลขาธิการวุฒิสภา" นายรัฐชทรัพย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสมยศ เลี้ยงบำรุง 1 ใน 80 ผู้สมัคร ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินและขอคุ้มครองชั่วครวว กรณีขบวนการการสรรหา กสทช.ไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม เพราะเปิดให้ผู้สมัคร 1 คน เลือกสมัครได้หลายสาขา อาทิเช่น สาขาเศรษฐศาสตร์ กฎหมาย กิจการโทรคมนาคม กิจการกระจายเสียง การคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น
โดยต่อมา นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร ก็ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนฉุกเฉินและคุ้มครองชั่วคราวเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่ได้เลื่อนลำดับจาก 5 เป็น ลำดับที่ 4 หลังจากที่นายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท ผู้ผ่านการคัดเลือกกสทช 1 ใน 22 คน ขาดคุณสมบัติ เพราะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่ถือว่า อสมท มีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจการ กสทช. นอกจากนี้นายจตุรงค์ ยังเป็นรองประธานกรรมการ อสมท ด้วย และในวันนี้ (26 พ.ค.) นายณัฐัศิลป์ จงสงวน 1 ใน 80 ผู้สมัคร กสทช.จะไปยื่นฟ้องศาลปกครอง เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม ในกรณีคณะกรรมการสรรหาฯ มีความสัมพันธ์เอื้อประโยชน์ให้ผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นกรรมการ กสทช. 22 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพิ่มเติมว่า ตามพ.ร.บ.กสทช.2553 คณะกรรมการสรรหา กสทช.จะต้องเสนอรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็น กสทช.ให้ที่ประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 44 คน เพื่อคัดเลือกเหลือ 11 คน ภายใน 180 วัน หากวุฒิสภาไม่สามารถคัดเลือกได้ นายกรัฐมนตรี มีสิทธิ์ที่จะคัดเลือก กสทช.ได้ แต่ขณะนี้เวลาผ่านไปแล้ว 125 วัน นับตั้งแต่พ.ร.บ.กสทช.มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2553 การสรรหากสทช.ยังทำได้เพียงบัญชี 2 (ระบบการสรรหา) 22 คน และยังมีการฟ้องร้องศาลปกครองว่าขบวนการสรรหาไม่โปร่งใส ขณะที่การสรรหากสทช.บัญชี 1 (ระบบคัดสรรกันเอง) 22 คน ยังไม่ได้ดำเนินการคัดเลือกแต่อย่างใด หากการสรรหา กสทช.ไม่ครบ 44 คน นายกรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถแต่งตั้ง กสทช.ได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หากเกิดความล่าช้าในขบวนการสรรหา กสทช.จะกระทบต่อธุรกิจโทรคมนาคม วิทยุ โทรทัศน์ของประเทศไทย เนื่องจากมีหลายปัญหารอให้คณะกรรมการ กสทช.สะสาง โดยเฉพาะการจัดสรรคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการ 3จี
สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหากสทช มาตรา 14 พ.ร.บ.กสทช...ปี 2553 ประกอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพิ่มเติมว่า ตามพ.ร.บ.กสทช.2553 คณะกรรมการสรรหา กสทช.จะต้องเสนอรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็น กสทช.ให้ที่ประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 44 คน เพื่อคัดเลือกเหลือ 11 คน ภายใน 180 วัน หากวุฒิสภาไม่สามารถคัดเลือกได้ นายกรัฐมนตรี มีสิทธิ์ที่จะคัดเลือก กสทช.ได้ แต่ขณะนี้เวลาผ่านไปแล้ว 125 วัน นับตั้งแต่พ.ร.บ.กสทช.มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2553 การสรรหากสทช.ยังทำได้เพียงบัญชี 2 (ระบบการสรรหา) 22 คน และยังมีการฟ้องร้องศาลปกครองว่าขบวนการสรรหาไม่โปร่งใส ขณะที่การสรรหากสทช.บัญชี 1 (ระบบคัดสรรกันเอง) 22 คน ยังไม่ได้ดำเนินการคัดเลือกแต่อย่างใด หากการสรรหา กสทช.ไม่ครบ 44 คน นายกรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถแต่งตั้ง กสทช.ได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หากเกิดความล่าช้าในขบวนการสรรหา กสทช.จะกระทบต่อธุรกิจโทรคมนาคม วิทยุ โทรทัศน์ของประเทศไทย เนื่องจากมีหลายปัญหารอให้คณะกรรมการ กสทช.สะสาง โดยเฉพาะการจัดสรรคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการ 3จี
สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหากสทช มาตรา 14 พ.ร.บ.กสทช...ปี 2553 ประกอบด้วย
1.ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
2.ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
3.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
4.ปลัดกระทรวงกลาโหม
5.ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)
6.ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
7.นายกสภาวิศวกร
8.ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย
9.นายกสมาคมวิชาการนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
10.นายกสมาพันธ์สมาควิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
11.ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอชน
12.ประธานกรรมการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
13.ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
14.ประธานสมาพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ
15.ประธานสมาพันธ์องค์กรผู้บริโภค.
ไทยรัฐออนไลน์
ไทยรัฐออนไลน์
ที่มา: ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น