วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เรื่องฉาวที่อังกฤษ ยิ่งคุ้ยยิ่งลึก-ยิ่งสกปรก!


 

เรื่องฉาวที่อังกฤษ ยิ่งคุ้ยยิ่งลึก-ยิ่งสกปรก!

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16:14:01 น.

Share

ต่างประเทศ

กรณีที่หนังสือพิมพ์ในอังกฤษเรียกขานว่า "แฮกกิ้ง สแกนดัล" ในเวลานี้นั้น เริ่มต้นจากพฤติกรรมของสื่อมวลชนบางคน บางกลุ่ม ก็จริง แต่เริ่มลุกลามบานปลายออกไปมากมายขึ้นเรื่อยๆ

จากจุดเริ่มต้นที่ เดลี่ เมล์, เดลี่ มิร์เรอร์ ขยายวงกว้างไกลออกเป็น นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ ของ นิวส์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ นิวส์ คอร์ป. 2 บริษัทในอาณาจักรสื่ออันยิ่งใหญ่ของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ชาวออสเตรเลีย ลุกลามออกไปยังสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย แต่ยังไม่ยุติลงแค่นั้น

หลังจากนั้นเรื่องพฤติกรรมฉาวของสื่อ ก็กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในกรมตำรวจ จากสถานีตำรวจเซอร์เรย์ บานปลายกลายเป็นเรื่องของการ "วางเฉย" ของบุคคลระดับผู้บัญชาการตำรวจ ก่อนที่จะแปรสภาพเป็นประเด็นทางการเมืองที่เชื่อมโยงไปถึงรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ใกล้ชิดกับตัวนายกรัฐมนตรี รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน จากพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่เพิ่งอยู่ในตำแหน่งมาได้เพียงแค่ 15 เดือนเท่านั้น

ว่ากันด้วยว่า จากกรณีที่จำกัดอยู่แค่เรื่องการ "แฮ็ก" โทรศัพท์ กรณีนี้กำลังจะกลายเป็นคดียาเสพติดคดีใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกับการลักลอบค้านำโคเคนจำนวน "ไม่จำกัด" เข้าไปยังอังกฤษอีกต่างหาก

เพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมด ต้องจำชื่อ 3 ชื่อเอาไว้ในใจ หนึ่งคือ โจนาธาน รีส สองคือ สตีฟ วิททามอร์ และสุดท้ายคือ เกล็นน์ มัลแคร์

ทั้งหมดเป็นนักสืบเอกชนที่ถูกกล่าวหามายาวนานนักหนาว่า ทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่ได้ด้วยการ "ขาย" ข้อมูลที่ได้มาโดยผิดกฎหมายให้กับสื่อมวลชน

รีส ที่มีสำนักงานอยู่ในลอนดอนใต้ ตกเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อปี 1999 ในข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจสก็อตแลนยาร์ดเพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวที่นำไปขายให้กับหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า "ไม่มีฉบับไหนจ่ายงามเท่า นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ อีกแล้ว"

ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ จ่ายเงินให้กับ โจนาธาน รีส ถึงปีละ 150,000 ปอนด์ หรือราวๆ 4.5 ล้านบาท

วิททามอร์ ถูกเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการด้านข้อมูลข่าวสารแห่งอังกฤษบุกเข้าตรวจค้นสำนักงานเมื่อปี 2003 ยึดเอาไฟล์ข้อมูลจำนวนมากที่กลายเป็นรายงานว่าด้วยพฤติกรรม "การนำข้อมูลลับส่วนบุคคลไปจำหน่ายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย" จากคณะกรรมการด้านข้อมูลข่าวสารแห่งอังกฤษในปี 2006

แต่ปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานอื่นใด นำรายงานชิ้นนั้นมาดำเนินการต่อ ทำให้คณะกรรมการต้องออกมาเปิดโปงรายชื่อของสิ่งพิมพ์ 31 ฉบับ "ที่มีหลักฐานบ่งชี้ได้ว่า" ซื้อข้อมูลจากวิททามอร์

ในรายชื่อของ "ผู้ซื้อ" หรือ "ผู้ว่าจ้าง" ดังกล่าวคือ ชื่อของผู้สื่อข่าว 58 คนของเดลี่ เมล์ พร้อมคำสั่งซื้อ 952 คำสั่ง นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ กลับรั้งอยู่ในลำดับที่ 5 ของรายชื่อ มีพนักงาน 19 คนสั่งซื้อข้อมูลรวม 152 รายการ

เกลนน์ มัลแคร์ อดีตนักเตะอาชีพที่ผันตัวมาเป็นนักสืบเอกชน ถูกศาลตัดสินจำคุกไปเมื่อปี 2007 พร้อมกับผู้สื่อข่าวของ นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ อีกคน ฐานแฮ็กเข้าไปเพื่อดึงข้อมูลออกจากเจ้าหน้าที่ในราชสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮม

ไฟล์ข้อมูล 11,000 ชิ้นที่เจ้าหน้าที่ยึดมาได้นั้นอยู่ในครอบครองของสก็อตแลนด์ยาร์ดมาตั้งแต่ปี 2006 ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลอังกฤษที่เพิ่งลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสาเหตุโดยตรงมาจากการละเลย ไม่ใส่ใจต่อหลักฐานทั้งหมดที่อยู่ในมือชิ้นนี้

นี่หากไม่บังเกิดกรณี "มิลลี่ ดาวเลอร์" เด็กสาวที่หายสาบสูญไป และ นิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ ว่าจ้างให้มีการเจาะเข้าไปในระบบโทรศัพท์มือถือของเธอ ก่อนที่จะลบข้อมูลในโทรศัพท์ดังกล่าวทิ้ง เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ข่าว "เอ็กซ์คลูซีฟ" จนเป็นเหตุให้ครอบครัวเข้าใจผิด เชื่อมั่นอย่างผิดๆ ว่า ดาวเลอร์ ยังมีชีวิตอยู่ เกิดขึ้น ยังไม่แน่ใจนักว่าสก็อตแลนด์ยาร์ดจะหันมาสนใจหรือไม่




ไม่เพียงไม่ใส่ใจในหลักฐานที่มีอยู่ในมือ แล้วทำอย่างหนึ่งอย่างใดกับมัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเซอร์เรย์ ยังออกมาให้การประหนึ่งปกป้องการกระทำของผู้สื่อข่าว เตรียมผลักดันให้เรื่องนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของการเปิดเผยกรณีที่ "เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ" แทนที่จะจับกุมผู้สื่อข่าวและดำเนินคดีกับสิ่งพิมพ์ นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง

ที่หนักหนาสาหัสกว่าก็คือ ทำไมถึงไม่แจ้งเรื่องต่อครอบครัว การปล่อยให้ครอบครัวผู้รอคอยเข้าใจผิดๆ อยู่อย่างนั้น อำมหิตเลือดเย็นอย่างยิ่ง

ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทุกกรณีที่เห็นได้ชัดว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นและจับกุมคุมขังผู้สื่อข่าวหลายๆ คนไปตั้งแต่เมื่อปี 1999 คงมีเหยื่อของคนหิวเงินพวกนี้ลดน้อยลงไปกว่านี้เยอะ

ในทัศนะของชาวอังกฤษในเวลานี้ สิ่งที่พวกเขากังขามากกว่าพฤติกรรมของสื่อบางกลุ่มก็คือ พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่รักษากฎหมาย และนั่นทำให้พฤติกรรมฉาวครั้งนี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแวดวงตำรวจเมืองผู้ดีติดตามมา

โจนาธาน รีส เอง เคยแม้แต่กระทั่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้ขวานฟันคู่นอนตัวเองเสียชีวิตเมื่อปี 1987 คดีที่ยังคงปิดไม่ลงในการดูแลของสก็อตแลนด์ยาร์ด เชื่อกันอย่างไม่เป็นทางการในตอนนั้นว่า คู่นอนรายนั้นจำเป็นต้องตายเพราะกำลังจะเปิดโปงขบวนการค้าโคเคนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน

รีสเอง เคยถูกคุมขังในเวลาต่อมาฐานร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจขี้ฉ้อรายหนึ่งซึ่งถูกจับพร้อมๆ กัน ยัดหลักฐานโคเคนให้กับสตรีผู้หนึ่ง ฌอน ฮอเร่ ผู้สื่อข่าวของนิวส์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ ที่ออกมาเปิดโปงกรณี มิลลี่ ดาวเลอร์ เคยบอกเล่าเอาไว้ว่า ที่ "โต๊ะข่าว" ของสำนักงานของหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ฉบับนี้ มีการเสพโคเคนกันให้ควั่ก

จนไม่มีใครเสียดายแม้แต่น้อยเมื่อจำต้องรูดม่านปิดฉากลง!!


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1311671653&grpid=no&catid=&subcatid=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น