วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ได้จัดทำทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วยการ "นวด"

 

นวด...วาระสุดท้าย เพื่อลมหายใจที่สงบ 
มติชนรายวัน วันที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11472 
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01lad01070852§ionid=0115&day=2009-08-07

ในชีวิตหนึ่งย่อมเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา แต่คนเราบางครั้งยังไม่ทันตายกลับคิดก่อนว่าอยากตายแบบไม่ทรมาน ไม่ทุรนทุราย เรื่องอย่างนี้ไม่สามารถกำหนดได้ แต่ตราบใดที่วิวัฒนาการของโลกยังไม่หยุดนิ่ง ย่อมมีทางเลือกเสมอ อย่างที่โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ได้จัดทำทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วยการ "นวด"

  
"นวด" แบบนี้ไม่ธรรมดา และมีความพิเศษอย่างไร

อ.ปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) บอกถึงรายละเอียดการนวดว่า การนวดไทยมีการสัมผัสที่ค่อนข้างดี และทฤษฎีการนวดของไทยดีมากในการดูแลสุขภาพของคน และยังได้รับเสียงตอบรับที่ดี และแพร่หลายในต่างประเทศอีกด้วย 



เมื่อการนวดแผนไทยแพร่หลายเป็นอย่างมาก โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) จึงคิดจัดทำเรื่อง "นวดวาระสุดท้าย" ขึ้นมา เนื่องจากว่าที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีหลักสูตรปริญญาโท เรื่องอยู่ดีตายดี เกี่ยวกับดูแลคนป่วยในระยะสุดท้าย จึงจับมือทำเรื่องนวดขึ้นมา

"จากการร่วมกันศึกษาทำให้พบว่า คนที่เจ็บป่วย หรือกำลังจะตายจะรู้สึกว้าวุ่น กระวนกระวาย บางคนก็เจ็บปวด บางคนก็ทุรนทุราย ทำอย่างไรให้เขาสงบ เพราะในพุทธศาสนาบอกว่าคนที่ตายถ้าอยู่ในลักษณะที่มีสติและสงบจะมีโอกาสเกิดในภพที่ดีกว่า หรือเกิดในสภาวะแวดล้อมที่ดีกว่า สามารถทำความดี บรรลุนิพพานได้"

ด้วยเหตุนี้ อ.ปรีดา จึงคิดท่านวด โดยประยุกต์จากท่านวดแผนไทยขึ้นมา

อ.ปรีดาบอกว่า วิธีการนวดจะง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก โดยนำแพทย์แผนไทยไว้ตรงกลาง ศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นตัวนำ และนำพระพุทธศาสนาเป็นตัวส่งเสริม

"คนป่วยระยะสุดท้าย คือคนที่ช่วยเหลือดูแลตัวเองไม่ได้ ตรงนี้คนดูแลจะมีบทบาทมาก เพราะแรงสัมผัสในการนวดถ้าคนนวดมีจิตใจที่ดีจะถ่ายทอดความรู้สึกได้ ซึ่งหมอนวดต้องเข้าใจ และมีความรู้ว่าควรนวดหรือไม่นวดตรงไหน อย่างกลุ่มโรคซึมเศร้า เน้นนวดคอบ่าไหล่ โรคการขับถ่ายไม่ดี นวดบริเวณสะดือ หรือท้องน้อย กลุ่มมะเร็งจะนวดการกระตุ้นไหลเวียนของเลือด และนวดแถวไขสันหลัง กระดูกสันหลัง ส่วนอัมพฤกษ์อัมพาตจะนวดแถวๆ ท้องน้อย หน้าท้อง และไล่ตามแนวเส้นออกมา การนวดท้องทำให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น แก้ท้องผูกทำให้อาการอื่นๆ ลดลงไปด้วย"

แม้จะสบาย แต่ข้อห้ามของการนวดก็มีเหมือนกัน

"ที่นวดไม่ได้ คือเป็นโรคมะเร็งจะไม่นวดตรงที่เป็น ไม่นวดรุนแรง ไม่ประคบ เพราะเขาไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ขยับข้อได้ และไม่นวดผู้เป็นโรคหอบหืด เพราะถ้าเป็นหอบขึ้นมาในช่วงที่นวดจะแก้ไขลำบาก ที่สำคัญเราไม่นวดคนที่ต้องปั๊มหัวใจ สายยางระโยงระยาง"

ที่สำคัญ อ.ปรีดีบอกว่า ต้องผ่านการรับรองของแพทย์ที่รักษาปัจจุบัน และญาติก่อนว่า สมควรให้นวดหรือไม่ ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าจะตายหรือไม่ตายเมื่อไร เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ แต่เราต้องคิดว่าทำอย่างไรให้เขามีชีวิตต่อไปได้เรื่อยๆ สร้างเวลาให้เขา

"ที่ผ่านมาอย่างคุณแม่อายุ 90 ปี ยังอยู่ดี และดีขึ้นทุกวัน เป็นโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ แต่ท่านแข็งแรงมาก เชื่อว่านวดวาระสุดท้ายเป็นทางเลือกหนึ่ง นอกจากช่วยเรื่องสุขภาพแล้ว คนในครอบครัวสามารถเรียนรู้การนวดได้จะยิ่งเพิ่มความกตัญญู ความใกล้ชิด สะท้อนความอบอุ่น และไม่เดือดร้อนในช่วงภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่ต้องจ้างนักบำบัดมาทำ สามารถทำเองได้เลย เพราะองค์ความรู้แพทย์แผนไทยอยู่บนพื้นฐานความเอื้ออารีของไทย"

สุขกาย สบายใจ ย่อมส่งผลดีกับสุขภาพ

หน้า 25

http://www.thailivingwill.in.th/index.php?mo=3&art=342210

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น